"สรยุทธ" จัดรายการเล่าข่าวต่อ ออกจอช่อง 3ทั้งเช้าเย็น หลังถูกศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 13 ปี คดีบริษัทไร่ส้ม เจ้าตัวยันผ่านรายการ พร้อมสู้ต่อตามกระบวนการยุติธรรม และเคารพ คำสั่งศาล ด้านบอร์ดผู้บริหารช่อง 3 มีมติให้จัดรายการต่อทั้งช่วงเช้า-เย็น ถือเป็นครอบ ครัวเดียวกัน แต่จะประเมินท่าทีของสังคม ต่อไป ด้านอนุกรรมการกสทช. ฝ่ายกำกับผังรายการเรียกประชุม เตรียมเรียกผู้บริหารช่อง 3 เข้าชี้แจงสัปดาห์หน้า 2 สมาคมสื่อ ออกแถลงทันที จี้ช่อง 3 ให้ยุติออกจอชั่วคราว จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
จากกรณีที่ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนาย สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าว ชื่อดัง และกรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน ฐานความผิดฐานเป็น ผู้สนับสนุนให้ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา ทำให้บริษัทอสมทเสียหาย กว่า 138 ล้านบาท โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งนายสรยุทธ ยื่นหลักทรัพย์ 2 ล้านบาทประกันตัวออกไป เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา และในช่วงเย็นวันเดียวกัน ทางช่อง 3 ยกเลิกรายการเจาะข่าวเด่น ซึ่งมีนายสรยุทธเป็นพิธีกร
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 1 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรยุทธ เดินทางมาทำหน้าที่พิธีกรจัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ตามปกติ โดยรายงานข่าวแรกเรื่องที่ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกตนเองเป็นเวลา 13 ปี ก่อนยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยในตอนท้ายข่าว นายสรยุทธกล่าวสั้นๆ ว่า ในส่วนของบริษัทไร่ส้ม และตนเองนั้น ที่ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลอาญามีคำพิพากษาในคดีนี้ ก็เคารพในคำพิพากษา แต่ขั้นตอนและกระบวนการตนและบริษัทก็จะใช้สิทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรม ในการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป และยืนยันว่าจะต่อสู้คดีนี้ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ต่อไป
ก่อน หน้านี้เมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 29 ก.พ. นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเมนท์ หรือสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เปิดเผยว่า หลังการประชุมคณะผู้บริหารของทางช่อง 3 ได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกัน ที่จะสนับสนุนนายสรยุทธ ให้ทำงานร่วมกับช่องต่อไป หลังร่วมงานกันมานานกว่า 12 ปี มั่นใจว่า รู้จักนายสรยุทธ ดีมากกว่าคนอื่น กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ เกิดขึ้นก่อนร่วมงานกัน อีกทั้งคดียังไม่สิ้นสุด อยู่ระหว่างการพิสูจน์ในชั้นศาล
พร้อมย้ำว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นายสรยุทธ ยังสามารถจัดรายการได้ในช่วงเวลาเหมือนเดิม ส่วนรายการ "เจาะข่าวเด่น" ของเย็น วันที่ 29 ก.พ. ที่นายสรยุทธไม่เดินทางมาจัดรายการนั้น อาจเกิดจากความไม่พร้อมของ เจ้าตัว ซึ่งเป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
"นับจากนี้ช่อง 3 ต้องน้อมรับคำวิจารณ์และประเมินท่าทีของสังคมต่อไป แต่มติบอร์ดขณะนี้ ถือเป็นที่สิ้นสุดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากสังคมคิดว่า สุดโต่งก็ต้องน้อมรับ เพราะที่ผ่านมาถือว่า ทำงานเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อจากนี้ความสัมพันธ์ ยังเป็นไปตามปกติ" นายสุรินทร์กล่าว
เมื่อ เวลา 09.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) มีการประชุมของคณะอนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ ในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) โดยเป็นการประชุมภายในที่มีเพียงเจ้าหน้าที่เข้าประชุมเนื่องจากพล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ คณะกรรมการกสท. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไม่ได้ร่วมประชุมเนื่องจากติดภารกิจในต่างประเทศ โดยมีนายไพศาล กุวลัยรัตน์ อนุกรรม การทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทน และไม่ได้มีเชิญตัวแทนของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มาชี้แจงกรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ภาย หลังการประชุมเสร็จสิ้น นายไพศาลกล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุฯ ยังไม่มีข้อสรุป จึงได้ใช้อำนาจตามประกาศกสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ข้อ 14 ที่มีเนื้อหาให้ผู้ถือใบอนุญาตต้องดูแลเนื้อหาและผู้ผลิตรายการของทางสถานี ในการเชิญตัวแทนจากช่อง 3 มาชี้แจงและหารือร่วมกันกับคณะอนุฯ ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ จากนั้นที่ประชุม กสท. จะพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไร ก็ตาม บุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลสาธารณะ นอกจากการหารือเรื่องกฎหมาย ของกสทช.แล้ว ต้องหารือถึงเรื่องจริยธรรมด้วย ซึ่งกสทช. มีหน้าที่กำกับดูแลเฉพาะผู้ได้รับใบอนุญาตจากกสทช. ดังนั้นต้องหารือกับทางช่อง 3 เป็นหลัก คณะอนุฯไม่สามารถก้าวล่วงบอกให้เขายุติออกอากาศได้
เมื่อ เวลา 11.030 น. ที่โรงแรมเซ็นจูรี พาร์ค น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ในเรื่องของการหารือที่เกี่ยวข้องกับนายสรยุทธ นั้นเรื่องยังไม่ถึงบอร์ดกสทช. ยังอยู่ในขั้นหารือของอนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริงก่อนว่าผิดกติกาข้อใดบ้างของกสทช. ถ้าทางคณะอนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการผิดกฎหมายข้อใดบ้างก็จะ ส่งเรื่องมาถึงบอร์ดเพื่อให้บอร์ดตัดสิน โดยวันนี้จะเริ่มต้นการพิจารณา
สุด ท้ายถ้ามีประเด็นเรื่องข้อกฎหมายก็ต้องส่งให้บอร์ดกสท. ตัดสิน และถ้าทางคณะอนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ ไม่เข้าข่ายกฎหมายแต่เข้าเรื่องจริยธรรม จรรยาบรรณ สิ่งที่กสทช.จะทำได้คือส่งเรื่องให้องค์กรที่ทางช่อง 3 เป็นสมาชิกคือสภาวิชาชีพแพร่ภาพกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และท่าทีขององค์กรวิชาชีพที่ช่องต่างๆ เป็นสมาชิกว่าจะมีท่าทีอย่างไร ต่อไป แต่สิ่งที่ช่อง 3 เจอจะหนักกว่าข้อกฎหมายคือ แรงกดดันทางสังคม ว่าจากการตัดสินใจจะคุ้มได้คุ้มเสียหรือไม่ เพราะเรื่องจากข้อกฎหมายอาจจะมีข้อโต้แย้งได้ และแม้จะมีเหตุผลที่ตามต่อได้ในข้อกฎหมาย
วันเดียวกันสภา วิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุ และโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ร่วมเรื่องการทบทวนการทำหน้าที่ของพิธีกรข่าว โดยระบุว่า จากการที่ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก นายสรยุทธ จึงเกิดกระแสเรียกร้องให้นาย สรยุทธยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 มีมติให้นายสรยุทธ ทำหน้าที่ต่อไปโดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากกรณีนี้ได้เกิดขึ้นก่อนนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา มาร่วมงานกับสถานี และคดีนี้ ยังไม่ถึงที่สุด
สภา วิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพที่มีสมาชิกระดับบุคคลและระดับองค์กรของสถานีโทรทัศน์ และสถานีวิทยุต่างๆ ทั่วประเทศ ร่วมหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีความเห็นว่ากรณี ดังกล่าวมีผลกระทบไม่ใช่เฉพาะต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของสถานีวิทยุ โทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อวงการสื่อมวลชนไทยในภาพรวม ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะที่ถูกสังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบและจริยธรรมในการ ปฏิบัติหน้าที่
แม้กรณีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมว่ามีหลักฐาน เพียงพอว่า นายสรยุทธ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นความผิดทั้งทางด้านอาญาและด้านจริยธรรม เพราะฉะนั้นสังคมจึงมีความ คาดหวังว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะแสดงความรับผิดชอบและเป็นตัวอย่างในการวางมาตรฐานจริยธรรมด้วยการให้นาย สรยุทธ ยุติบทบาทหน้าจอ อย่างน้อยเป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างบรรทัดฐานด้านจริยธรรมให้กับวงการสื่อมวลชนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับรายการข่าวช่วงเย็นในช่วงเจาะข่าวเด่น ก็ยังมีนายสรยุทธ จัดรายการอยู่ตามเดิม
ที่มา : khaosod.co.th
0 comments:
Post a Comment